เปรียบเทียบโหมด Non-Prism และ Prism

Last updated: 14 มี.ค. 2568  |  15 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เปรียบเทียบโหมด Non-Prism และ Prism

เปรียบเทียบโหมด Non-Prism และ Prism ด้วยกล้อง Total Station

กล้อง Total Station เป็นอุปกรณ์สำรวจชั้นนำที่สามารถวัดค่ามุมและระยะได้ในตัวเดียว จึงมีบทบาทสำคัญในการเก็บข้อมูลเชิงพิกัดของพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงงานก่อสร้าง งานวางโครงสร้างพื้นฐาน หรืองานวิศวกรรมโยธาอื่น ๆ โดยการวัดระยะผ่าน Total Station นั้น แบ่งออกเป็น 2 โหมดหลัก ได้แก่ Non-Prism (Reflectorless) และ Prism ซึ่งแต่ละโหมดมีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน

 โหมด Non-Prism (Reflectorless)

หลักการทำงาน

- ใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงไปยังเป้าหมายโดยตรง พื้นผิวของเป้าหมายจะสะท้อนแสงกลับมาที่ตัวรับ (Receiver) ใน Total Station
- ตัวกล้องจะคำนวณระยะจาก Time of Flight (ToF) หรือ Phase Shift ของสัญญาณ โดยไม่ต้องติดตั้งปริซึม

ข้อดี

- สะดวกและรวดเร็ว: ไม่ต้องใช้ปริซึมหรือผู้ช่วยติดตั้งเป้า ในพื้นที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น หน้าผาสูงหรือบริเวณที่เสี่ยงอันตราย
- ประหยัดเวลาและทรัพยากร: เหมาะกับงานที่ต้องการความคล่องตัวสูงในการเก็บข้อมูลหลายจุด
- เหมาะกับวัตถุทั่วไป: เช่น คอนกรีต โลหะ หิน ซึ่งสามารถสะท้อนเลเซอร์ได้ในระดับหนึ่ง

ข้อจำกัด

- ระยะที่วัดได้สั้นกว่า: ส่วนใหญ่ใช้ได้ดีในระยะไม่เกิน 500–800 เมตร หากไกลกว่านี้ ความแม่นยำจะลดลง
- พื้นผิวสะท้อนต่ำ: วัตถุที่สีเข้ม หรือสภาพผิวไม่สะท้อนแสง อาจรบกวนการวัด
- ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ: ฝน หมอก ฝุ่น หรือละอองน้ำ ส่งผลให้เลเซอร์กระจายและค่าที่วัดได้มีโอกาสผิดพลาดสูง

โหมด Prism

หลักการทำงาน

- กล้อง Total Station ยิงลำแสงเลเซอร์ไปกระทบ Prism Reflector ที่ติดตั้งไว้บนจุดเป้าหมาย
- แสงที่สะท้อนกลับผ่านปริซึมจะมีความชัดเจนและกำลังสะท้อนสูง ทำให้วัดระยะทางได้ด้วยความแม่นยำมากขึ้น

ข้อดี

- ค่าความคลาดเคลื่อนน้อย: สามารถวัดได้ถึงระดับมิลลิเมตร (±1–3 มม.) และรองรับระยะไกลหลายกิโลเมตร
- มีเสถียรภาพสูง: ไม่ได้รับผลกระทบจากสีหรือลักษณะผิววัตถุ เพราะใช้ปริซึมเป็นตัวสะท้อน
- เหมาะกับงานวิศวกรรมที่ต้องการความละเอียดสูง: เช่น งานวางโครงข่ายควบคุม งานก่อสร้างโครงสร้างใหญ่ หรืองานตรวจสอบความแม่นยำของสภาพพื้นที่

ข้อจำกัด

- ต้องมีผู้ช่วยหรือขาตั้งสำหรับปริซึม: เพิ่มขั้นตอนในการตั้งค่าและปฏิบัติงาน
- ต้องดูแลรักษาปริซึม: พื้นผิวปริซึมต้องสะอาดและปราศจากรอยขีดข่วน เพื่อให้การสะท้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้เวลามากกว่า Non-Prism: ในการตั้งเป้าและเล็ง แต่ให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้

เลือกโหมดไหนดี?

โหมด Non-Prism เหมาะกับงานที่

- ต้องการความคล่องตัวสูง และพื้นที่ไม่เอื้อให้ติดตั้งปริซึมหรือใช้ผู้ช่วย
- มีระยะที่ไม่ไกลเกินไป (ไม่เกิน 800 เมตร)
- ไม่จำเป็นต้องการความละเอียดระดับมิลลิเมตร หรืออยู่ในสภาพที่ปริซึมเข้าถึงลำบาก

โหมด Prism เหมาะกับงานที่

- ต้องการ ความแม่นยำสูง และอาจต้องวัดระยะไกลหลายกิโลเมตร
- เน้นความเสถียรของค่าที่วัดได้ ทนต่อสภาพพื้นผิวหรือสภาพแสงที่หลากหลาย
- มีเวลาและทีมงานพอสมควรสำหรับการตั้งค่าและเล็งเป้า

สรุป

การวัดระยะด้วยกล้อง Total Station ในโหมด Non-Prism และ Prism มีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกัน หากต้องการใช้งานสะดวกและไม่ต้องยึดปริซึม ควรเลือก Non-Prism แต่หากต้องการความแม่นยำสูงและระยะวัดที่ไกล Prism ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจขึ้นอยู่กับ ลักษณะงาน (ระยะที่ต้องวัด, สภาพพื้นที่, ความละเอียดที่ต้องการ) และ ทรัพยากรที่มี (ผู้ช่วย, เวลา, อุปกรณ์เสริม) เป็นหลัก

 ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้