ความแตกต่างระหว่างกล้องระดับ (Level), กล้องวัดมุม (Theodolite) และกล้องประมวลผลรวม (Total Station)

ความแตกต่างระหว่างกล้องระดับ (Level), กล้องวัดมุม (Theodolite) และกล้องประมวลผลรวม (Total Station)
ทั้งสามประเภทนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญในงานสำรวจและก่อสร้าง แต่มีความแตกต่างกันทั้งในด้านการใช้งานและความสามารถ ดังนี้:
1. กล้องระดับ (Level)
ลักษณะและการใช้งาน:
ใช้สำหรับวัดระดับความสูงของพื้นที่หรือจุดต่าง ๆ โดยการอ่านค่าจากไม้สต๊าฟ (Staff Rod)
มีเลนส์ที่ช่วยปรับระยะโฟกัส และระบบปรับระดับ (เช่น ออโต้เลเวล)
จุดเด่น:
ใช้งานง่าย และไม่ซับซ้อน
มีความแม่นยำสูงสำหรับการวัดระดับแนวนอน
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการวัดความสูง เช่น การก่อสร้างถนน การปรับพื้น และงานวางระบบระบายน้ำ
ข้อจำกัด:
ไม่สามารถวัดมุมหรือระยะทางได้
2. กล้องวัดมุม (Theodolite)
ลักษณะและการใช้งาน:
ใช้สำหรับวัดมุมในแนวราบ (Horizontal Angle) และมุมในแนวดิ่ง (Vertical Angle)
ใช้งานร่วมกับไม้เป้าหมายหรือปริซึมในบางกรณี
จุดเด่น:
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำในการวัดมุม เช่น งานสำรวจภูมิประเทศ การกำหนดทิศทางของโครงสร้าง และการวางแนวเส้นทาง
บางรุ่นสามารถคำนวณระยะทางได้เล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับการพัฒนาของเทคโนโลยี)
ข้อจำกัด:
ไม่เหมาะสำหรับการวัดระดับหรือระยะทางโดยตรง
มีขั้นตอนการตั้งค่าที่ซับซ้อนกว่ากล้องระดับ
3. กล้องประมวลผลรวม (Total Station)
ลักษณะและการใช้งาน:
เป็นเครื่องมือที่ผสานความสามารถของกล้องวัดมุมและกล้องระดับเข้าด้วยกัน พร้อมความสามารถในการวัดระยะทางด้วยแสงเลเซอร์
มีระบบคอมพิวเตอร์ภายในที่สามารถคำนวณมุม ระยะทาง และพิกัด XYZ ได้ทันที
จุดเด่น:
วัดมุม ระยะทาง และระดับความสูงได้ในเครื่องเดียว
มีความแม่นยำสูง และบันทึกข้อมูลได้อัตโนมัติ
เหมาะสำหรับงานสำรวจสมัยใหม่ เช่น การสร้างแผนที่ การออกแบบโครงสร้าง การติดตั้งโครงสร้างขนาดใหญ่ และการสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่
ข้อจำกัด:
ราคาแพงกว่ากล้องชนิดอื่น ๆ
ต้องการผู้ใช้งานที่มีความชำนาญสูง
การบำรุงรักษาและสอบเทียบมีค่าใช้จ่ายมากกว่า
เปรียบเทียบคุณสมบัติ
สรุป
กล้องระดับ: เหมาะสำหรับงานวัดความสูงหรือความเรียบของพื้นที่
กล้องวัดมุม: เหมาะสำหรับงานวัดมุมและการวางแนวที่ต้องการความแม่นยำ
กล้องประมวลผลรวม: เป็นเครื่องมือที่ครบครัน เหมาะสำหรับงานสำรวจที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูง